ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

4 วิธีที่จะทำให้ด้านการประเมินราคาใน Revit เร็วและดีขึ้น จาก Plugin Xinaps





4 วิธีที่จะทำให้ด้านการประเมินราคาใน Revit เร็วและดีขึ้น จาก Plugin Xinaps


     Xinaps เป็นปลั๊กอินที่เข้ามาช่วยให้การทำงานของ Revit ด้านการวิเคาระห์ต่างๆสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งมาอยู่หลายฟังก์ชั่นยกตัวอย่างจากบทความด้านล่างนี้คือการ Plugin เสริมด้านการประเมินราคา

ก่อนอื่นคุณเคยรู้จัก BIM  หรือยัง ?

คุณรู้ไหมว่าหนึ่งในห้าของทุกๆโครงการเกี่ยวกับงานก่อสร้างที่ต้องทนประสบพบเจอกับค่าใช้จ่ายส่วนเกินจากที่กำหนดของการก่อสร้างอาคาร ซึ่งแผนโครงการที่สำคัญเหล่านี้มักจะมีการเพิ่มค่าใช้จ่ายขึ้นระหว่าง10 - 45% โดยจากการประมาณการครั้งแรกของงบประมาณ ถ้าดูเฉพาะเปอร์เซนต์ตัวเลขก็อาจจะทำให้ปวดหัวกับงบประมาณที่บานปลาย โดยวิธีการแก้ไขที่ดีและชาญฉลาดคือการสื่อสารที่ชัดเจนเรื่องของข้อมูลระหว่างแต่ละฝ่ายที่เป็นข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการออกแบบขั้นตอนการออกแบบเพื่อให้ได้แบบที่ดีและสมบูรณ์มากที่สุดดีกว่าการต้องไปเครียร์เป็นหน้าหน้างานเหมือนแต่ก่อน


หนึ่งในความท้าทายของสถาปนิกหรือวิศวกรเองที่จะต้องทำการออกแบบเบื้องต้น และยังคงอาจจะต้องพบกับปัญหาด้านการประเมินราคา ซึ่งเป็นขั้นตอนที่เข้าสู่การถอดปริมาณงานเพื่อทำการประเมินราคาเบื้องต้น เพื่อแจ้งให้กับเจ้าของโครงการทราบเบื้องต้น เพื่อตรวจสอบและประเมินความเป็นไปได้ประกอบกับการตันสินใจ ซึ่งหากสถาปัตยกรรมที่ถูกออกแบบเป็นเพียงแนวคิดเบื้องต้น อาจจะไม่สามารถบอกรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่ไม่สมเหตุสมผลได้ จะต้องมีการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการกับฝ่ายที่ปรึกษาเพื่อหาแนวทางที่จะให้เกิดผลลัพท์ที่ดีกับทางโครงการเองเพื่อลดความเสี่ยงที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมา


กระบวนการที่ซับซ้อนของการถอดปริมาณราคาในช่วงการออกแบบโครงการเบื้องต้นนั้น โดยทั่วไปต้องมีการพิจารณาในเรื่องของการคิดค่าใช้จ่ายหรือประเมินราคาจำนวนมากเหล่านี้ที่จะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ เพื่อทำการประเมินค่าใช้จ่ายต่างๆของโครงการที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นปัญหาที่ยุ่งยากแต่ ทางออกที่จะทำให้มันทันเวลาและไม่ยุ่งยาก ซึ่งมีวิธีการแก้ไขปัญหาอันยุ่งยากเหล่านี้
       
การจำลองประเมินราคาจะช่วยคุณสามารถประมาณการค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดย Autodesk Revit จะเป็นตัวการสำคัญที่สามารถทำได้แบบครบวงจรในการออกแบบเบื้องต้นโดยทำการประเมินราคาผ่านโมเดลที่ถูกสร้างขึ้น ซึ่งโมเดลที่ถูกสร้างขึ้นนั้นเป็นโมเดลที่ถูกเพิ่มข้อมูลขององค์ประกอบต่างๆ  ซึ่งข้อมูลต่างๆจะถูกนำไปวิเคราะห์ต่อจึงทำให้สามารถนำไปถอดปริมาณและประเมินค่าใช้จ่ายได้ในการก่อสร้างเพื่อกำหนดความเป็นไปได้เป็นสอดคล้องกับเงินทุน และสามารถสร้างตัวเลือกในการออกแบบเบื้องต้นเพื่อมาเปรียบเทียบ ในขณะที่ความสามารถทำการนำเข้า (import) และส่งออก (export) ข้อมูลต่างๆได้เป็นต้น


วิธีที่ 1: ประเมินราคาค่าใช้จ่ายของการก่อสร้างได้

หลายบริษัท และมีอีกหลายโครงการที่เจ้าของโครงการเลือกที่จะนำ Revit มาใช้ในการออกแบบอาคารมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้การทำงานระหว่างงานสถาปัตยกรรมและงานวิศวกรรม ทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้นและเพื่องานก่อสร้างที่มีคุณภาพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายของการดำเนินงานจะได้เป็นไปตามระยะเวลาภายใต้สัญญาที่ได้ทำไว้ร่วมกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบไม่ได้ไปลงลึกของต้นทุนการก่อสร้างและความคาดหวังงบประมาณในขั้นตอนแนวคิด ตอนนี้คุณสามารถปรับให้เข้ากับวิธีการใหม่นี้ซึ่งจะช่วยให้สถาปนิกกับทางเพื่อลดความเสี่ยงเรื่องของเวลาและค่าใช้จ่ายในระหว่างขั้นตอนการออกแบบเบื้องต้นและเพื่อให้แน่ใจว่าคุณภาพของโครงการและความสัมพันธ์ระหว่างงานโครงออกแบบก่อสร้างนี้จะมีความมั่นคงภายใต้สัญญาที่ได้ทำไว้ร่วมกัน


การจำลองการประเมินราคา เริ่มต้นด้วยภาพรวมของค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างภายในโครงการ ซึ่งเราจะเอาโมเดลที่ได้ไปใช้งานในขั้นตอนลำดับถัดไปโดยเป็นขึ้นตอนการประเมินค่าใช้จ่ายต่อองค์ประกอบแต่ละส่วน โดยขั้นนตอนนี้คุณสามารถใช้ความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ทำงานและเข้าใจเรื่องของค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างต่อองค์ประกอบหรือวัสดุก่อสร้างต่างๆซึ่งจะสามารถปรับได้ และในขณะเดียวกันก็สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลการออกแบบผ่านโมเดล BIM ได้


ยกตัวอย่าง เช่นสิ่งที่จะส่งผลในเรื่องของค่าใช้จ่าย คือการเปลี่ยนแปลงการออกแบบ เช่น ผนังของอาคารมีการเปลี่ยนแปลงค่าต่างๆก็จะส่งผลให้เรื่องการประเมินราคามีการปรับเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งการตัดสินใจในการแก้ไขต่างๆก็จะเกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินหรืองานทุน และส่งผลให้ไม่ว่าคุณจะต้องมีค่าใช้จ่ายโดยรวมต่อพื้นที่ของพื้นหรือรายละเอียดของส่วนประกอบอาคารที่แยกต่างหาก ซึ่งส่วนที่เกินขอบเขตของข้อจำกัดเหล่านั้น คุณก็สามารถเพิ่มค่าใช้จ่าย ที่มีอยู่ในตัวอย่าง แม่แบบตามมาตรฐาน หรือคุณสามารถสร้าง family ของคุณเองเพื่อรวมข้อมูลใด ๆ ที่มีเพิ่มเติมมาได้


ปลั๊กอินไม่เพียงแต่มีข้อได้เปรียบในเรื่องของการการคำนวณค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างต่อทุกองค์ประกอบทุกชิ้นส่วน แต่ยังมีข้อมูลตรงกันเป็นอย่างดีกับ Revit ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในเรื่องข้อมูลทางการเงินที่ได้จะมีการปรับปรุงอัพเดทให้โดยอัตโนมัติตามการเปลี่ยนแปลงการออกแบบล่าสุด ตอนนี้คุณสามารถมีความยืดหยุ่นจากช่วงเวลาของการเขียนโมเดลอาคาร และยังสามารถนัดปิดงานตามเวลาในความจริงคุณเองได้ สามารถตรวจสอบการปรับเปลี่ยนการออกแบบในช่วงต้นที่สามารถปรับแก้ได้ และสะท้อนให้เห็นถึงเวลาจริงและค่าใช้จ่ายมีการเปลี่ยนแปลงด้วยกัน







วิธีที่ 2: ศึกษาความเหมาะสมและกำหนดงบประมาณได้

ไม่มีอะไรที่สำคัญมากไปกว่าที่มีมุมมองแบบเฮลิคอปเตอร์ของโครงการของคุณหรือมุมมองภาพรวมที่เห็นได้ทั้งโครงการเพื่อที่จะสามารถพิจารณาความเป็นไปได้ของงบประมาณและเป็นประมาณการผลตอบแทนต่อการลงทุนจอ ซึ่งในขั้นตอนการออกแบบเบื้องต้น คุณจะได้รับการเตรียมความพร้อมและรู้สึกมั่นใจเมื่อพูดถึงความคาดหวังของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจริง เมื่อเทียบกับคนที่ที่ไม่ได้ใช้งานกระบวนการแบบ BIM ยกตัวอย่างเช่น คุณต้องการที่จะทราบว่าหลายปีที่ผ่านมาเวลาจ่ายเงินออกไปแต่ละครั้ง ก่อนที่จะสร้างเป็นอาคารบนที่ตั้งคุณจะเริ่มต้นทำกำไรของคุณได้หรือไม่ ซึ่งเมื่อคุณเริ่มใช้การจำลองทางการเงินหรือประเมินราคา คุณสามารถที่จะตรวจสอบค่าใช้จ่ายและผลกระทบทางการเงินที่เกินมาของพวกเขาทั้งหมดซึ่งขึ้นอยู่กับโมเดลที่สร้างใหม่ล่าสุดของคุณ
.

ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะพูดเรื่องตัวเลขกับเจ้าของโครงการ คุณก็สามารถนำเสนองบประมาณจากการประเมินราคาเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็วและชัดเจนเกี่ยวกับการออกแบบอาคารนั้น  ซึ่งอาจจะทำให้เจ้าของอาคารที่เหมือนมีเครื่องคิดเลขขนาดเล็กในหัวของพวกเขาสามารถคิดตามได้ เพื่อให้พวกเขามีความสนใจในการนำไปใช้ในการปฏิบัติงานที่สำคัญ เช่นระยะเวลาการเวลาปิดงบประจำปี เพื่อแสดงยอดเงินมูลค่าปัจจุบันสุทธิ และแสดงผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งเป็นการประเมินราคาและหาภาพรวมอย่างได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทุกพารามิเตอร์ที่จะต้องระบุในรายละเอียดของการประเมินราคา ซึ่งสิ่งเหล่านนี้เป็นสิ่งสำคัญ ฝ่ายบัญชีต้องรู้เรื่องของอัตราเงินเฟ้อดอกเบี้ยและปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจะทำให้รับรองข้อมูลสถาปนิกที่ได้ออกแบบทันทีและจะได้รับความน่าเชื่อถือในแนวคิดการออกแบบเบื้องต้นข้องคุณ หรือ Conceptual และยังมีผลต่อการเลือกโครงการที่คุณได้ออกแบบ โดยข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ประเมินราคาจะเป็นข้อมูลที่ใช้เพื่ออ้างอิงว่าโครงการดังกล่าวสามารถสร้างได้จริง ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าโดยมีการวิเคราะห์และอ้างอิงจากข้อมูลดังกล่าวอย่างสมเหตุสมผล

ในฐานะที่ Einstein กล่าวว่า '' ถ้าคุณไม่สามารถอธิบายสิ่งหนึ่งให้เข้าใจได้ง่ายๆ แปลว่าคุณยังไม่เข้าใจสิ่งนั้นดีพอ'' ให้แน่ใจว่าคุณมีความพร้อมเสมอที่จะตอบคำถามและให้การสนับสนุนการตัดสินใจของคุณกับซึ่งข้อเท็จจริงทางการเงินที่เป็นสิ่งสำคัญในขั้นตอนการออกแบบเบื้องต้น

วิธีที่ 3: สามารถออกแบบตัวเลือกเพื่อทำการเปรียบเทียบได้

คนที่เป็นสถาปนิกไม่ควรปล่อยให้ความไม่แน่นอนมาทำให้ระยะเวลาการทำงานล้าช้าออกไปมากกว่ากระบวนการตัดสินใจของตัวเลือกการออกแบบของคุณ นี่คือจุดเริ่มต้นของกระบวนการออกแบบที่มักจะนำไปสู่ความล่าช้าโดยที่ไม่จำเป็นทำให้เป็นอุปสรรคในการจ่ายเงินงบประมาณ

การออกแบบอาคารที่ควรจะมีมากกว่าหนึ่งตัวเลือกเพื่อให้มั่นใจความหลากหลายและเสียงการตัดสินใจในขั้นตอนแนวคิด บางครั้งคุณอาจจะมีตัวเลือกการออกแบบที่แตกต่างกันสำหรับเฉพาะส่วนของอาคารของคุณ วิธีการเกี่ยวกับความสามารถในการเปรียบเทียบความแตกต่างของราคาต่อแต่ละสถานการณ์?

คนที่เป็นสถาปนิกต้องสามารถสร้างความมั่นใจในการนำเสนอโครงการให้กับเจ้าของโครงการได้ และเพื่อสร้างตัวเลือกให้กับเจ้าของโครงการให้เห็นความแตกต่างกันของระดับคุณภาพงานจากการใช้ BIM เพื่อเป็นไปตามมาตรฐานใประเทศหรือต่างประเทศ สามารถออกแบบโครงการได้อย่างมีคุณภาพและนำเสนองบประมาณได้อย่างแตกต่างและเพิ่มตัวเลือกในการออกแบบ

มีหลายตัวแปรที่กำหนดให้งานนั้นได้คุณภาพตามที่เจ้าของโครงการต้องการโดยการสร้างคุณภาพโดยการระบุรายละเอียดข้อมูลของอาคารที่ละเอียดจะทำให้คุณรู้ว่าค่าใช้จ่ายที่ออกมาจะคุ้มค่ากับราคามักน้อยแค่ไหน คุณจะรู้ว่ามันควรจะต้องมีค่าเช่าจากผู้ใช้งานหรือรายรับจากการลงทุนไปมากน้อยแค่ไหน และจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนไปเท่าไร

นอกจากนี้คุณสามารถกรอกข้อมูลที่ซับซ้อนในทุกความหมายของกราฟิกผ่านแผนภูมิและบาร์ต่างๆ ที่ถูกออกแบบไว้อย่างเรียบร้อยดูแล้วเข้าใจง่าย และแสดงให้เห็นเรื่องของเงินทุนค่าใช้จ่ายต่างๆที่จะทำให้เพิ่มมากขึ้นมากขึ้นอยู่เสมอ จะทำให้เข้าใจครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่างๆและมีความน่าเชื่อถือ หลังจากที่ทุกท่านให้ลูกค้าของคุณตัดสินใจเลือกแบบที่ถูกออกแบบไว้ ซึ่งมันน่าสนใจมากและราคาไม่แพงสำหรับโครงการของพวกเขา


วิธีที่ 4 นำเข้าและส่งออกข้อมูลได้

การวิเคาระห์ประเมินราคาจะถูกสร้างระบบเพื่อเชื่อมโยงเข้าด้วยกันและมีความยืดหยุ่นสามารถปรับข้อมูลต่างๆภายใน Revit ได้และยังมีทางลัดไปยังการออกแบบอาคารที่มีดูมีชีวิตชีวา และ Xinaps  เป็นนวัตกรรมที่จะสร้างความเป็นไปได้ของงบประมาณทางการเงิน ในขณะที่มีการลงทุนไปกับโครงการของพวกเขา 
คุณสามารถที่จะคำนวณต้นทุนการก่อสร้างภายในซอฟต์แวร์ แต่ถ้าคุณต้องการที่จะติดตั้งวิธีการที่คุ้นเคยคุณสามารถนำไป excel เข้าไปได้เพียงแค่คลิกขวาที่อยู่ในไอคอนของค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโครงการของคุณและเลือก Import Excel จากนั้นเลือกตัวเลือกข้อมูลที่จะนำเข้าไป คุณสามารถใช้ส่วนหัวของตารางได้หากต้องให้มันมีอยู่ของคุณหรือคุณสามารถสร้างใหม่ได้ คุณสามารถเลือกช่วงข้อมูลที่มีอย่างจำกัด ดังนั้นคุณควรจะนำเข้าเพียงหน้าของข้อมูลที่คุณต้องการ
ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว, ข้อมูล Excel คุณเป็นส่วนหนึ่งจะถูกแปลงไปในรูปแบบตารางของ Revit ซึ่งจะทำให้คุณนำไปใช้ประโยชน์มาก การที่จะใช้ข้อมูลจาก Excel ที่นำข้อมูลเข้ามาเพื่อประเมินค่าใช้จ่าย  ก่อนหน้านี้ทำใน Excel ซึ่งเป็น up-to-date และมีการปรับเปลี่ยนโดยอัตโนมัติตามข้อมูลที่มีการอัพเดทล่าสุด ต่อมาเมื่อคุณสามารถแก้ไขข้อมูลได้ทั้งหมดก็สามารถแชร์ข้อมูลกับเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้าของคุณได้ เพียงแค่การส่งข้อมูลออกไปจากแฟ้ม Excel อีกครั้ง ก็จะทำให้คุณสะดวกมากยิ่งขึ้น
หากคุณกำลังเบื่อกับการนำเข้า ส่งออกข้อมูลในซอฟแวร์หลาย ๆตัว และคุณสามารถบันทึกได้หลายครั้งหรือหลายชั่วโมงทุกวัน โดยการทำเครื่องหมายการตัดสินใจสมาร์ท ภายในปลั๊กอิน Xinaps ที่ถูกสร้างมาสำหรับ Revit เราไม่ได้มองว่า Revit ถูกออกแบบมาไม่ดี เราเพียงแต่จะช่วยและร่วมการแก้ปัญหาจากปัจจุบันของคุณให้ดีขึ้น โดยใน Revit เรารวมเครื่องมือเข้าไปกับเครื่องมือที่มีอยู่ของคุณเพื่อเชื่อมโยงการทำงานร่วมกันและต่อเนื่องของข้อมูล

Xinaps ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 เราเป็นทีมที่คิดไปข้างหน้าว่าจะสร้างเครื่องมืออัตโนมัติสมาร์ทภายในซอฟต์แวร์การออกแบบเพราะเราเชื่อว่าขั้นตอนเบื้องต้นของกระบวนการออกแบบอาคารจะต้องเข้าใจง่ายและเพิ่มประสิทธิภาพ ให้ลูกค้าของเรามีบทบาทที่สำคัญในการแก้ไขคุณลักษณะหรือ Feature ทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ ไปพร้อมกับเรา เพื่อการสร้างนวัตกรรมและเครื่องมือในการออกสถาปัตยกรรมภายใน Revit เพื่อเพิ่มคุณค่าทางการใช้งานสำหรับการออกแบบในวงการ Architecture Engineering และ Construction ได้อย่างเป็นมีความมืออาชีพ

และเราเชื่อว่าเป็นอย่างยิ่งว่าวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างเครื่องมือทางสถาปัตยกรรมเพิ่มเติมเข้ามาโดยทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในสาขา หรือคนทำงานในวงการก่อสร้างทั้งทั่ว 3 ทวีป ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกายุโรปหรือว่าออสเตรเลียเอง จะร่วมกันกับการพัฒนา และความพยายามในครั้งนี้เราหวังว่าการสร้างโซลูชั่นที่ทันสมัยที่ช่วยเพิ่มประสิทธิผลและประหยัดเวลาไปพร้อมๆกัน เพื่อให้ทุกคนได้ใช้งานกันอย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น    



ณัฐวิดล มหาจันทร์


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ว่าด้วยเรื่อง LOD (Level of Development)

การสร้าง เมทัลชีท Metal Sheet ใน Revit

การเขียน Family METAL SHEET CLADDING           เมทัลชีส แคดดิ้ง   (M etal sheet cladding) ให้เป็นผนังหรือหลังคาตาม บ้านเรือน หรือ ตามคลังสินค้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ต่างๆ  เมื่อสร้างโมเดลเหล่านนี้ใน Revit หากคุณต้องการสร้างผนัง โดยทั่วไปแล้วจะมีเพียงผนังที่มาในโปรแกรมเป็นผนังพื้นฐานที่เป็นวัสดุโลหะมาตรฐานทั่วไป หากคุณสามารถปรับแผ่นเพื่อให้ได้ตามรายละเอียดได้ตามต้องการ สามารถเข้าไปเพิ่ม หรือหากต้องการตัดออกไปเข้าไปปรับลายละเอียดของ Component ให้เป็น Metal Sheet ในส่วนของ curtain wall ที่เราสร้างขึ้นได้ จากนั้นก็จะแสดงในมุมมอง 3D View ให้เห็นเป็นลักษณะของ Metal Sheet Creating a sheet cladding curtain wall 1. ขั้นตอนแรกในการทำ M etal sheet cladding คือการสร้าง Curtain Wall Panel ขึ้นมาใหม่ โดยการ ไปเลือกที่   Family เช่นตัวอย่าง Metric Curtain Wall panels 2.เมื่อเปิด Family แล้วจากนั้นจะมีเส้นกริดขึ้นมาให้พร้อมมี Exterior ขึ้นมาบอกรายละเอียด จากนั้นไปที่ Create > Extrusion > Line เพื่อสร้างเ

มาตรฐาน น้ำหนักเส้นในการทำงาน Revit [ Line Weights Standard ]

การสร้างโมเดลจาก RVT เสร็จจากขั้นตอนการเขียนโมเดลแล้วหลังจากนั้นก็จะต้องทำเอกสารในรูปแบบที่เรียกว่า Sheet ปัญหาวุ่นวายมากคือ น้ำหนักเส้นจะปรับอย่างไรให้พอดี จากตัวอย่างจึงแสดงให้เห็นลักษณะการตั้งค่าของ Line Weights Manage> Addition Seting > Line Weights น้ำหนักเส้นของโมเดล (Model)   น้ำหนักเส้นของภาพจำลอง (Perspective Viwe)  น้ำหนักเส้นของ สัญลักษณ์ (Annotation)